|
|
ที่อยู่ปัจจุบัน 33/45 ซอยร่มไทร ถนนกาญจนาภิเษก แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160
โทร. 0-2445-5407
การศึกษา |
พ.ศ. 2512 - 2515 |
อ.บ. (ภาษาอังกฤษ) คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
พ.ศ. 2520 - 2523 |
อ.ม. (ปรัชญา) บัณฑิตวิทยาลัย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
พ.ศ. 2521 - 2522 |
พ.ม. (สังคมศึกษา) กองส่งเสริมวิทยฐานะ กรมการฝึกหัดครู กระทรวงศึกษาธิการ |
พ.ศ. 2533 - 2535 |
Ph.D. (Philosophy) มหาวิทยาลัยมคธ ประเทศอินเดีย |
พ.ศ. 2547 |
Certificate of Supervising Research, University of Sydney Australia |
พ.ศ. 2547 |
ธรรมศึกษาชั้นตรี สำนักเรียนวัดดุสิดาราม |
พ.ศ. 2548 |
ธรรมศึกษาชั้นโท สำนักเรียนวัดดุสิดาราม |
พ.ศ. 2549 |
ธรรมศึกษาชั้นเอก สำนักเรียนวัดประยุรวงศาวาส |
พ.ศ. 2549 |
Certificate of English, London House School of English, Kent, England |
|
|
ประวัติย่อ
ดร. สุจิตรา อ่อนค้อม แห่งสถาบันราชภัฏธนบุรี เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2494
ทีหมู่บ้านดงน้อย ต.ช่องแค อ.ตาคลี จ. นครสวรรค์ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดช่องแค
พ.ศ. 2503 จบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ. 3) จากโรงเรียนประดับวิทย์ พ.ศ. 2509 จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พ.ศ. 2511 อ.บ. จากคณะอักษณศาสตร์ จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2515 และ 2523 Ph.D จากมหาวิทยาลัยมคธ ประเทศอันเดีย พ.ศ. 2535
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาไทยศึกษา คณะมนุษยศาสตร์
และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี เป็นนักเขียนประจำนิตยสารกุลสตรี มาตั้งแต่ ปี 2532 - ปัจจุบัน
รศ.ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม ได้รับรางวัล International Award แห่งเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา เมื่อเดือน
กุมภาพันธ์ 2546 จากควาเรียงเรื่อง " Creating sustainable World Peace" โดยใช้หลักทางพุทธศาสนาเป็นเหตุผลสนับสนุนความคิด
ประวัติ ดร.สุจิตรา อ่อนค้อม ในคำนำ จากหนังสือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ข้าพเจ้าเกิดในครอบครัวที่บรรพบุรุษนับถือพระพุทธศาสนา พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย พาเข้าวัดตั้งแต่เล็ก ๆ
โดยเฉพาะเทศกาล "เทศน์มหาชาติ" จะพากันไปวัดตั้งแต่ตีสี่ตีห้า เพื่อจะได้ฟังพระสวด
"คาถาพัน" ได้ครบ 1,000 คาถา ด้วยความเชื่อว่าเมื่อตายจะได้ขึ้นสวรรค์ ก่อนนอนคุณพ่อคุณแม่ก็จะเล่านิทานที่เกี่ยวกับนรกสวรรค์ให้ฟังเสมอ ๆ เช่น เรื่องเทพบุตร เทพธิดา
ที่มีความสุขอยู่ในวิมานสวย ๆ หรือเรื่องพระมาลัยไปเทศน์โปรดสัตว์ที่เมืองนรก เป็นต้น
ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความคิดคำนึงและจินตนาการไปต่าง ๆ ตามประสาเด็ก ทรรศนะที่มีต่อพระพุทธศาสนาในวัยขนาดนั้น คือ ต้องทำความดีจึงจะได้ขึ้นสวรรค์ แล้วไม่อยากทำความชั่ว เพราะกลัวจะไปตกนรก ความเชื่อเรื่องกรรมจึงมีมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
เมื่อจบมัธยมต้นจากต่างจังหวัด ได้เข้ามาสอบเรียนต่อมัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
(รุ่น ๒๙) ในกรุงเทพฯ อาศัยอยู่กับครอบครัวมุสลิมซึ่งเขารักเหมือนลูกสาว
คุณยายของบ้านเป็นชาวพุทธและไปฟังเทศน์ที่วัดทุกวันอาทิตย์ ไปวัดโพธิ์บ้าง วัดพระแก้วบ้าง
ข้าพเจ้าก็จะตามคุณยายไปแล้วก็สังเกตว่าคนที่ไปวัด มีแต่คนแก่ ๆ ข้าพเจ้าตอนนั้นอายุ ๑๘ ปี
จึงเป็นคนเดียวที่อายุน้อยที่สุด
จบโรงเรียนเตรียมฯ ก็สอบเข้าเรียนที่คณะอักษรศาสตร์จุฬา พักที่หอพักนิสิตหญิงจุฬา ฯ
(ปัจจุบันเป็นศูนย์การค้ามาบุญครอง) วันอาทิตย์ก็ได้ไปเรียนพระทุทธศาสนาวันอาทิย์ที่วัดบวรนิเวศ
เป็นลูกศิษย์ ท่านเจ้าคุณธฺมมสาโร ภิกขุ
จบปริญญาแล้ว ทรรศนะที่มีต่อพระพุทธศาสนาก็ยังอยู่ในระดับนรกสวรรค์ ต่อเมื่อเรียนปริญญาโท
สาขาปรัชญา ที่คณะและมหาวิทยาลัยเดิม ทำให้ความรู้ทางด้านพระพุทธศาสนากว้างขวางขึ้น อาจารย์ผู้ให้ความรู้และเป็นแรงจุงใจให้หันมาศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง คือ
ท่านศาสตราจารย์พิเศษ ดร. สุนทร ณ รังษี ส่วนพระสงฆ์นั้น ข้าพเจ้าเคารพและศรัทธา ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ในความเป็นปราชญ์ทางด้านพระพุทธศาสนาของพระึคุณท่านและท่านก็ได้ประสิทธิ์ประสาท
ความมรู้ด้านปริยัติแก่
ข้าพเจ้าด้วย ความเมตตาอย่างหาที่เปรียบมิได้ ในด้านการปฏิบัติ ข้าพเจ้าเริ่มปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังเมื่อปี ๒๕๒๖ เมื่อทางวิทยาลัยส่งให้เข้าอบรมปฏิบัติธรรมที่
วัดอัมพวัน จ. สิงห์บุรี ข้าพเจ้าได้เป็นศิษย์ของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ตั้งแต่ บัดนั้น (ปััจจุบันหลวงพ่อได้เลื่อนสมณศักดิ์ เป็นที่ พระราชสุทธิญาณมงคล) และชีวิตก็พลิกผันหันเข้าหาธรรมะอย่างเต็มภาคภูมิ นับตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ ทรรศนะที่มีต่อพระพุทธศาสนาได้ก้าวพ้นระดับนรกสวรรค์ขึ้นมา ข้าพเจ้าไม่อยากเกิดในสวรรค์ เพราะเป็นภูมิที่ยังต้องเวียนว่าย ข้าพเจ้ามีความใฝ่ฝันที่จะข้ามพ้นจากสงสารสาคร แต่ก็คงจะเป็นได้เพียงความฝัน เพราะยิ่งปฏิบัติ ก็ยิ่งพบว่าการจะเข้าถึงมรรค ผล นิพพานนั้นยากแสนยาก และหากผู้ปฏิบัติขาดความรู้ความเข้าใจ
ที่ถูกต้อง ก็อาจหลงทางได้ง่าย
การไปวัดอย่างสม่ำเสมอ เรื่องได้ฟังธรรมเทศนาจากท่านเจ้าคุณหลวงพ่อหลายต่อหลายครั้งบางเรื่องก็ฟังซ้ำถึง
หกเจ็ดครั้ง (แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยเบื่อ) และความที่เป็นคนช่างจดช่างจำ เรื่อง "ไฟไหนเล่าร้อนเท่าไฟนรก" และ "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" จึงเกิดขึ้น ความปลาบปลื้มใจพูนทวีจนสุดจะพรรณนา เมื่องานเีขียนที่ข้าพเจ้าได้รับความนิยมจากท่านผู้อ่านมากมายเกินความคาดหมาย ข้าพเจ้ารู้สึกปิติที่ได้ทำหน้ัาที่ช่วยเผยแผ่คำสอนของท่านเจ้าคุึณหลวงพ่อผู้ซึ่งดำเนินตามรอยบาทขององค์
พระศาสดาอย่างแน่วแน่ ข้าพเจ้าจึง "ได้บุญ" จากธัมมัสสวนมัย ในเวลาเดียวกัน
ท่านเจ้าคุณหลวงพ่อผู้มีพระคุณต่อข้าพเจ้า ท่านเมตตาช่วยเหลือข้าพเจ้าทุกอย่าง และยังสนับสนุนส่งเสริมให้ข้าพเจ้าไปเรียน ปริญญาเอกที่ประเทศอินเดีย การได้ใช้ชีวิตใน "แดนพุทธภูมิ" ทำให้ข้าพเจ้าได้ควา่มรู้และประสบการณ์ด้านพระพุทธศาสนา ลึกซึ้ง ท่านอาจารย์ เขมานันทะ (ดร.พระมหาบาง สิมพลี) ได้เมตตาช่วยเหลือในเรื่องการสมัครเรียนที่ มหาวิทยาลัียมคธ ตลอดจนช่วยสงเคราะห์ให้ได้พำนักในวัดทิเบต อันเป็นวัดของฝ่ายมหายาน ข้าพเจ้าจึงได้ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เป็นกำไรชีวิต
ท้ายที่สุดนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณนิตยสาร กุลสตรี โดยเฉพาะ คุณยุพา งามสมจิตร ผู้ซึ่งข้าพเจ้าเคารพ
นับถือดุจครู อาจารย์ ด้วยท่านทำให้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้เกิดในบรรณพิภพ ข้าพเจ้าถือโอกาสนี้ แสดงคารวะและกตัญญูกตเวทิตาธรรม ต่อท่านผู้มีพระคุณทุกท่านที่กล่าวข้างต้น และต่อท่านผู้อ่านที่ได้เมตตาช่วยค้ำจุนให้ข้าพเจ้ายืนหยัดอยู่ในโลกของตัวหนังสือได้อย่างมั่นใจ
ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุก ๆ ท่านเทอญ |