การดัดแปลงธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างลงตัว
นี่เป็นสิ่งที่ผมขอเอามาบอกกล่าว จากการรู้ได้ ปฎิบัติได้ด้วยตัวเองนะครับ
ธรรมะนั้นจริงๆแล้วก็คือธรรมชาติ
เราควรปฎิบัติตนให้เป็นไปตามธรรมชาติ ตามที่ธรรมชาติกำหนด
และเมื่อใดที่เราฝืนธรรมชาติ วันหนึ่งธรรมชาติก็จะลงโทษเราเอง
หลักข้อคิดง่ายๆของชีวิต ที่เข้าใจได้ง่ายๆก็คือ
ชีวิตนั้นมันสั้นครับ และมันก็สั้นเกินกว่าที่จะจมอยู่กับความทุกข์
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ไม่มีอะไรจีรังและแน่นอนซักอย่าง
นี่ก็เป็นกฎหนึ่งของธรรมชาติเช่นกัน
ทุกสิ่งทุกอย่าง มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆแม้แต่ดวงอาทิตย์
รักได้ก็หมดรักได้ หรือต่อให้รักกันมากแค่ไหน แต่งงานกันไป สักวันหนึ่งก็ต้องตายจากกันอยู่ดี
ฉะนั้น จงอย่าไปแคร์ครับ เปลี่ยนทัศนคติให้ได้
เราจะแคร์หรือจะเสียใจไปทำไม ในสิ่งที่สักวันหนึ่งเราก็ต้องสูญเสีย พลัดพรากมันไป
ความสุขอยู่ที่ใจจริงๆครับ ที่เราเสียใจเมื่อเกิดการพลัดพราก สูญเสียนั้นก็เพราะว่า
เราเอาความสุขไปฝากไว้กับคนอื่น เราเอาความสุขไปฝากไว้กับวัตถุ
เมื่อไม่มีเค้า เมื่อไม่มีวัตถุนั้น เราก็อยู่ไม่ได้
แต่ถ้าเราเปลี่ยนความคิด เอาความสุขมาฝากไว้ที่ใจของเราเอง แล้วแบ่งปันให้กับผู้อื่น
เราจะไม่มีวันเสียใจ หรือทรมานเมื่อเราพลัดพรากจากวัตถุ หรือคนรัก
หรือถ้าจะเสียใจ เราก็จะทำใจได้และเข้าใจได้โดยเร็ว เพราะมันย้อนกลับไปที่จุดแรกว่า
ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะจมอยู่กับความทุกข์
อีกสิ่งที่สำคัญก็คือ เราเปลี่ยนใครไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนตัวเองได้
คนเรามองหาแต่คนดีเข้ามาในชีวิต มองหาแต่คนที่เราจะพึ่งพา มองหาแต่คนเก่งๆ
แต่น้อยคนที่จะปฎิบัติตนหรือเปลี่ยนตนให้เป็นคนดีซะเอง
ความดีก็เหมือนกลิ่นหอมที่ตลบอบอวลไปทั่วทุกแห่งหนครับ
ลองเปลี่ยนตัวเองดูดีกว่า ให้เป็นคนดี ไม่มีอะไรยากหรอกครับ ถ้าเราฝึกบ่อยๆ
จิตฝึกได้ ได้ตลอดเวลา เริ่มต้นที่ความคิด และต่อด้วยการกระทำ
ผมหวังว่าบทความนี้ อาจจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยต่อผู้ที่เข้ามาอ่านนะครับ
อย่าลืมนะครับว่า ธรรมะ ก็คือธรรมชาติ
ทำอะไรอย่าฝืนธรรมชาติเลยครับ เพราะมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวคุณเอง
จิรวิชญ์ รณรื่น